วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

DEATH

ความตาย


ภาพกะโหลกศีรษะมนุษย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความตาย
ภาพทหารเสียชีวิตจากสงคราม
ความตาย เป็นสถานะการสิ้นสุดของการมีชีวิตของสิ่งมีชีวิต สาเหตุของการตายมีได้หลากหลาย เช่น ตกเป็นเหยื่อจากการถูกล่า โรคระบาดขาดสารอาหาร อุบัติเหตุ ฆาตกรรม การฆ่าตัวตาย สงคราม การประหารชีวิต ฯลฯ แนวคิดในเรื่องความตายของประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ การตายจากโรคภัยไข้เจ็บ ความแก่ชรา ความตายเกี่ยวข้องอย่างมากกับวัฒนธรรมของมนุษย์ และเป็นส่วนสำคัญในหลาย ความเชื่อทางศาสนา ส่วนนิยามของความตายในทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้มี การอธิบายที่ซับซ้อนมากขึ้น

    การแข่งขัน การคัดเลือกโดยธรรมชาติ และการสูญพันธุ์[แก้]

    การตายเป็นกระบวนการสำคัญของ ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (Natural Selection) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถปรับตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากได้ มีความเสี่ยงที่จะตายสูง หรือขยายพันธุ์ได้น้อย ทำให้ยีนส์ของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นั้นๆ ลดจำนวนลง ซึ่งยีนส์ที่อ่อนแอจะนำไปสู่การลดจำนวนลงอย่างมาก ของประชากรสิ่งมีชีวิตนั้นๆ อันนำไปสู่การสูญพันธุ์ในที่สุด ซึ่งความสามารถในการแพร่พันธุ์มีบทบาทอย่างมาก ในการคงอยู่ของสิ่งมีชีวิต โดยสิ่งมีชีวิตที่อายุสั้นแต่สามารถแพร่พันธุ์ได้มาก มีความเสี่ยงในการสูญพันธุ์น้อยกว่า สิ่งมีชีวิตที่อายุยืนแต่ขยายพันธุ์ได้น้อย
    การสูญพันธุ์ คือ การหยุดชะงักของการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตสปีชี่ส์นั้นๆ และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตจะลดลง ช่วงเวลาของการสูญพันธุ์มักหมายถึง สิ่งมีชีวิตตัวสุดท้ายของสปีชีส์นั้นตาย ซึ่งความสามารถในการแพร่พันธุ์อาจสูญไปก่อนที่สูญพันธุ์ก็ได้ แต่เนื่องจากว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีจำนวนที่มาก และขนาดค่อนข้างกว้าง การจะระบุว่าสิ่งมีชีวิตใดสูญพันธุ์แล้ว อาจมีความผิดพลาดได้ ในบางกรณีมีการพบสิ่งมีชีวิตที่ประกาศว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว หลังจากที่มันไม่พบเห็นมาเป็นเวลานาน
    วิวัฒนาการทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆ ซึ่งสามารถเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่า ส่วนสายพันธุ์ที่อ่อนแอจะไม่สามมารถดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้ ต้องสูญพันธุ์ไป อย่างเช่น ยีราฟกับต้นไม้ที่เป็นอาหารของมัน ต้นไม้วิวัฒนาการตัวเองให้สูงขึ้น และมีหนามแหลมคม เพื่อป้องกันการถูกกินจากยีราฟ ในขณะเดียวกันยีราฟส่วนหนึ่งวิวัฒนาการตัวเอง ให้มีคอที่ยาวขึ้นและมีลิ้นที่ยาวหลบหลีกหนามได้ กระบวนการวิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นอย่างยาวนาน สิ่งมีชีวิตที่พัฒนาแปลกแยกออกไปจากรูปแบบเดิม เรียกว่า การกลายพันธุ์ (mutation) ซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสิ่งมีชีวิต ยีราฟสายพันธุ์คอยาวจะได้เปรียบ ในการกินต้นไม้พันธุ์นี้ ส่วนยีราฟสายพันธุ์คอสั้นที่เสียเปรียบจะเริ่มลดจำนวนลง เมื่อกระบวนการนี้ผ่านไปเป็นเวลานานๆ ต้นไม้ยิ่งสูงขึ้น ยีราฟสายพันธุ์คอยาวยิ่งยืดคอตาม ส่วนยีราฟคอสั้นก็ลดจำนวนลงจนสูญพันธุ์ในที่สุด

    การตายทางการแพทย์[แก้]

    ทางการแพทย์ถือว่าบุคคลเสียชีวิตแล้วโดยวัดจากคลื่นสมอง แม้ว่ายังมีการหายใจ หรือหัวใจยังเต้นอยู่ แต่มีนักวิทยาศาสตร์ที่พยายาม อธิบายในประเด็นที่ซับซ้อนกว่านั้น ดอกเตอร์เชอร์วิน นูแลนด์(Dr. Sherwin Nuland) ได้ตั้งประเด็นว่า สาเหตุของความตายเกิดขึ้นจากการตายของเซลล์ เดิมทีนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผู้ป่วยจะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง หากว่าเนื้อเยื่อสมองและเนื้อเยื่อหัวใจ เสียหายอย่างหนักอันเนื่องมาจาก การขาดออกซิเจนประมาณ 4-5 นาที และยังไม่ได้รับการกู้ชีวิตคืนในช่วงเวลานั้น หรือทำให้หัวใจเต้นอีกครั้งในช่วงเวลาถัดมาเล็กน้อย
    แต่จากการศึกษาเนื่อเยื่อหัวใจที่ขาดออกซิเจนด้วยกล้องจุลทรรศน์ (microscope) พบว่าหลังจากขาดออกซิเจนไปถึง 1 ชั่วโมง ยังไม่พบว่าเซลล์เนื้อเยื่อหัวใจตาย เซลล์เนื้อเยื่อหัวใจที่ขาดเลือดหล่อเลี้ยงจะตายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งค้านกับความเชื่อเดิมที่ว่าหากขาดออกซิเจน 4-5 นาทีก็จะหมดโอกาสรอด แต่อันที่จริงแพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ขาดออกซิเจนเกิน 5 นาทีได้ ถึงแม้ว่าเซลล์เนื่อเยื่อหัวใจจะยังไม่ตายก็ตาม
    เพื่อหานิยามของการตายที่สมบูรณ์ นักวิจัยได้พยายามมองลึกเข้าไปถึงระดับเซลล์ โดยดูที่ไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นอวัยวะของเซลล์ มีหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้เซลล์ และควบคุมกระบวนการอะพอพโทซิส (apoptosis) ซึ่งเป็นระบบควบคุมการตายของเซลล์ที่ผิดปกติโดยไมโทคอนเดรีย เป็นระบบที่ร่างกายพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันมะเร็ง (cancer)

    การตายระดับเซลล์[แก้]

    อะพอพโทซิส (Apoptosis) เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์เสียหายเกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อไวรัส อยู่ในสภาวะขาดสารอาหารอย่างหนัก DNA เสียหายจากกัมมันตภาพรังสี หรือสารมีพิษ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้จะไปกระตุ้น กระบวนการอะพอพโทซิสให้เริ่มทำงาน กระบวนการอะพอพโทซิสอาจเกิดขึ้นได้เองจากภายในเซลล์ หรือจากเนื้อเยื่อโดยรอบ หรือจากส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน กระบวนการอะพอพโทซิสจะไปทำลายเซลล์ที่เสียหาย เพื่อป้องกันการดูดสารอาหารของเซลล์นั้นๆ หรือป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์ที่ติดเชื้อ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันมะเร็ง
    ถ้าเซลล์ไม่มีกระบวนการอะพอพโทซิส เซลล์ทีผิดปกติจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่องๆ จนกลายเป็นเนื้องอก (tumour) กระบวนการอะพอพโทซิสจึงมีส่วนสำคัญ ในการควบคุมสมดุลของร่างกาย การตายของเซลล์ต้องสัมพันธุ์กับการเพิ่มจำนวนของเซลล์ เซลล์ที่ติดเชื้อหรือผิดปกติจะต้องถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่

    การชันสูตรศพ[แก้]

    ภาพวาดการชันสูตรศพ
    การชันสูตรพลิกศพ (Autopsy) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ ที่จะสำรวจศพของมนุษย์เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง โดยจะระบุเหตุผลของสาเหตุการตาย ซึ่งจะต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญ การชันสูตรมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการสืบสวนเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม หรือการพิสูจน์ศพที่มีการตายที่ผิดปกติ หรือสงสัยว่าตายอย่างผิดปกติ เพราะการตายหลายสาเหตุ ถูกจัดฉากให้ดูเหมือนการตายตามธรรมชาติ หรือภาวะโรคประประจำตัว แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการฆาตกรรม
    การชันสูตรยังเป็นการยืนยันการตาย อันมีสาเหตุมาจากการรักษาที่ผิดพลาดของแพทย์ได้อีกด้วย ในกรณีที่แพทย์ประมาทเลินเล่อ เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต หากไม่มีการชันสูตรศพ ก็จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นความผิดของแพทย์ผู้รักษา การชันสูตรสามารถเปิดเผยถึงเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิด ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์อีกด้วย

    การพลีชีพ[แก้]

    มาทีร์ (martyr) หมายถึง พวกที่ยอมพลีชีพหรือทนการทรมานเพื่อความเชื่อของตน ซึ่งในความหมายนี้จะแตกต่างกันไปตามความเชื่อ สำหรับพวกคริสเตียน มาทีร์จะหมายถึงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกล่าสังหาร ในช่วงสมัยจักรวรรดิโรมัน พวกนี้ไม่ได้ยอมพลีชีพ แต่ถูกประหารชีวิต ส่วนในความเชื่อของมุสลิม มาทีร์จะหมายรวมไปถึงผู้ที่ยอมตายเพื่อดินแดนศักดิสิทธิ์
    มาทีร์ในปัจจุบัน อาจจะมาจากความเชื่อที่ถูกฝังลึก แม้ว่าจะเป็นความเชื่อที่ผิดในมุมมองของคนทั่วไป เช่น ลัทธิการก่อการร้ายสากล นักรบอัลไกด้าจัดได้ว่าเป็นมาทีร์เช่นกัน และสามารถแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของตนเป็นที่ประจักษ์ชัด และเป็นภัยคุกคามของโลกในรูปแบบใหม่มาแล้ว อันได้แก่ ระเบิดพลีชีพ นักรบพลีชีพ ฯลฯ เหตุการณ์การก่อการร้ายที่ร้ายแรงที่สุด ที่ทำให้มีการตายอย่างมากเหตุการณ์หนึ่ง คือ เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 หรือ 9/11

    โทษประหารชีวิต[แก้]

    ภาพการประหารชีวิต ด้วยเครื่องหักคอ
    การประหารชีวิต (Death Penalty) เป็นโทษที่มีมาช้านานในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมอาชญากรรม หรือคู่แข่งทางการเมือง หรือควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่สั่นคลอนอำนาจของผู้นำ โดยใช้ความรุนแรงเป็นมาตรการสำคัญในการรักษาอำนาจ ในประเทศที่กำลังพัฒนาจะยังพบเห็นมาตรการนี้ใช้อยู่ แต่บางประเทศก็ใช้เฉพาะช่วงเวลาคับขัน เช่น ในภาวะสงคราม แต่ละประเทศกำหนดโทษที่มีความรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตต่างกันไป เช่น จีน ถือว่าการค้ามนุษย์เป็นคอรัปชั่นที่ไม่สามารถให้อภัยได้ มีโทษถึงประหารชีวิต ในบางประเทศ สำหรับทหารแล้ว การหนีทหาร หรือความหวาดกลัว หรือขัดขืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา อาจมีโทษถึงประหารชีวิตได้เช่นกัน
    ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้ว เริ่มที่จะทำการลดการใช้โทษประหารชีวิตลง เพราะเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน และการประหารชีวิตมักเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ และบ่อยครั้งที่มีการประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์

    การฆ่าตัวตาย[แก้]

    สถิติประเทศที่มีการฆ่าตัวตาย ในอัตรา 100,000 คนต่อปี
    ประเทศปีผู้ชายผู้หญิง
    ธงของประเทศลิทัวเนีย ลิทัวเนีย200568.112.9
    ธงของสาธารณรัฐเบลารุส เบลารุส200363.310.3
    ธงของสหพันธรัฐรัสเซีย รัสเซีย200461.610.7
    ธงของประเทศคาซัคสถาน คาซัคสถาน200351.08.9
    ธงของประเทศสโลวีเนีย สโลวีเนีย200345.012.0
    ธงของประเทศฮังการี ฮังการี200344.912.0
    ธงของประเทศลัตเวีย ลัตเวีย200442.98.5
    ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น200435.612.8
    ธงของประเทศยูเครน ยูเครน200443.07.3
    การฆ่าตัวตาย หมายถึง พฤติกรรมการพยายามปลิดชีวิตตนเอง สำหรับมนุษย์อาจเกิดมาจากภาวะความเสียใจอย่างมาก เช่นสูญเสียคนรัก หรือภาวะความเครียดที่ไม่สามารถหาทางออกได้ จึงคิดสั้นโดยการฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา การฆ่าตัวตายของมนุษย์ถือเป็นปัญหาสังคม
    จากประวัติศาสตร์ในอดีต การฆ่าตัวตายเป็นค่านิยมที่ได้รับการยอมรับมาก่อน เช่น ในสมัยซามูไรของญี่ปุ่น การรักษาศักดิ์ศรีด้วยการฆ่าตัวตาย ถือว่าดีกว่าอยู่อย่างไร้ค่า
    นอกจากมนุษย์แล้วนักชีววิทยาพยายามศึกษา พฤติกรรมการฆ่าตัวตายในสัตว์ ในบางกรณีสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงไว้ มักมีความรู้สึกที่ผูกพันอย่างมาก เมื่อเจ้าของเสียชีวิตไป มันก็ปฏิเสธที่จะกินอาหาร แล้วหิวตายตามเจ้านายมันไป ยังมีกรณีของสุนัขที่เติบโตมาด้วยกัน เจ้าของเลี้ยงเลี้ยงสุนัข 2 สายพันธุ์ไว้ด้วยกัน มันเติบโตและวิ่งเล่นมาด้วยกันตลอด วันหนึ่งสุนัขตัวหนึ่งตายลงอย่างกะทันหันเนื่องจากถูกรถชน เจ้าของจึงฝังไว้ที่สวน สุนัขอีกตัวที่เหลือก็เปลี่ยนพฤติกรรมทันที จากที่เคยร่าเริงมันกลับปฏิเสธอาหาร และคอยเฝ้าอยู่บริเวณที่เจ้านาย ฝังสุนัขอีกตัวไว้ พอตกกลางคืนก็จะหอนตลอดเวลา ไม่กี่วันต่อมาสุนัขอีกตัวก็ตายลง
    แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ปักใจเชื่อนัก เพราะสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์อยู่รอดมาได้ในโลก และสัตว์ป่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องดิ้นรน เพื่อเอาตัวรอดอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่ในกรณีของสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีภัยคุกคามชีวิตด้านอื่น และกินดีอยู่ดีทุกวันอาจพัฒนาความรู้สึก ให้มีระดับที่สูงขึ้นจนใกล้เคียงกับมนุษย์ ความเสียใจจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายในสัตว์ได้

    คำว่าตายสำหรับบุคคลฐานะต่างๆ[แก้]

    ในภาษาไทยมีการกำหนดใช้คำราชาศัพท์ให้เหมาะกับบุคคลในฐานะต่างๆ จึงมีการใช้คำอื่นแทนความหมายของคำว่าตาย ดังนี้
    คำใช้แก่
    สวรรคต,
    เสด็จสวรรคต
    1. พระมหากษัตริย์
    2. สมเด็จพระบรมราชินีนาถ
    3. สมเด็จพระบรมราชินี
    4. สมเด็จพระบรมราชชนก
    5. สมเด็จพระบรมราชชนนี
    6. สมเด็จพระยุพราช
    7. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
    8. สมเด็จพระบรมราชกุมารี
    9. เจ้าฟ้าที่ได้รับการเฉลิมพระยศพิเศษให้ทรงฉัตร 7 ชั้น
    ทิวงคต1. พระมหากษัตริย์ต่างประเทศ
    2. กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เฉพาะที่ไม่ได้สถาปนาเฉลิมพระยศขึ้นเป็น "สมเด็จพระบวรราชเจ้า")
    3. เจ้าฟ้าซึ่งได้รับการเฉลิมพระยศพิเศษ แต่ยังคงทรงฉัตร 5 ชั้น
    สิ้นพระชนม์1. พระราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นสมเด็จเจ้าฟ้าลงมาถึงพระองค์เจ้า
    2. สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    3. สมเด็จพระสังฆราช
    ถึงชีพิตักษัย,
    สิ้นชีพิตักษัย
    1. หม่อมเจ้า
    ถึงแก่พิราลัย1. เจ้าประเทศราช
    2. สมเด็จเจ้าพระยา
    มรณภาพ1. ภิกษุ
    2. สามเณร
    ถึงแก่อสัญกรรม1. ประธานองคมนตรี
    2. องคมนตรี
    3. ประธานวุฒิสภา (ผู้ตายในขณะดำรงตำแหน่ง)
    4. ประธานสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ตายในขณะดำรงตำแหน่ง)
    5. นายกรัฐมนตรี (ผู้ตายในขณะดำรงตำแหน่ง)
    6. รัฐมนตรี (ผู้ตายในขณะดำรงตำแหน่ง)
    7. ประธานศาลฎีกา (ผู้ตายในขณะดำรงตำแหน่ง)
    8. รัฐบุรุษ
    9. ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า
    ถึงแก่อนิจกรรม1. ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตั้งแต่ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย หรือทุติยจุลจอมเกล้า หรือทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ
    ถึงแก่กรรม,
    ตาย
    สุภาพชนทั่วไป

    LUSIFER

    ลูซิเฟอร์


    ลูซิเฟอร์, ภาพประกอบของ กุสทาฟ โดเร การพ่ายแพ้ต่อสวรรค์ โดย จอห์น มิลทัน
    ลูซิเฟอร์ (อังกฤษLucifer) เป็นจอมมารแห่งนรก มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระตำนานของศาสนาคริสต์ คำว่าลูซิเฟอร์ เป็นคำละตินมาจากคำว่า "Lux" แปลว่าแสงสว่าง และ "Ferrer" แปลว่า ผู้นำมา หรือผู้ถือ นำมารวมกันแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงสว่าง" หรือแปลในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ว่า "รุ่งอรุณ" หรือ "ดาวแห่งแสงสว่าง"


    ในพระคัมภีร์เก่ามาก
    [แก้]

    บทความในพระคำภีร์[แก้]

    โอ ลูซีเฟอร์เอ๋ย โอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ
    — พระธรรมอิสยาห์ 14:12

    ในพันธสัญญาใหม่[แก้]

    ดาวศุกร์ มีความหมายถึง พระเยซู
    และเรามีคำพยากรณ์ที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก จะเป็นการดีถ้าท่านทั้งหลายจะถือตามคำนั้น เสมือนแสงประทีปที่ส่องสว่างในที่มืด จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวประจำรุ่งจะผุดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย
    — พระธรรม 2 เปโตร 1:19

    ในตำนาน[แก้]

    ตามตำนานของชาวคริสต์ จากคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้มีการโยงถึงปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอาดัม และอีฟอัครเทวทูตองค์นี้ ได้ถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่าง และให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก อาจถือได้ว่า เป็นทูตสวรรค์ที่เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า และเป็นอัครเทวทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่า ด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือทูตสวรรค์ จึงได้กระทำการก่อกบฏหักหลังองค์พระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ กลายมาเป็น"ปีศาจ"ตามตำนานของชาวฮิบรู โดยที่ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีหนึ่ง (ซึ่งทำให้ทราบว่า ตามตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานนั้น ไม่ใช่คนเดียวกันแต่อย่างใด) ในพระคัมภีร์ของชาวฮิบรูนั้นได้กล่าวไว้ว่า ซาตานเคยเป็นหนึ่งในอัครเทวทูต มีชื่อว่า Satan-Sataniel หรือ Samael ว่ากันว่าซาตาน ต้องการจะครอบครองทุกสิ่ง มีอำนาจดั่งพระเจ้า จึงได้ยุยง บ้างก็สิงสู่เทพบางองค์ ทำให้กลายมาเป็นเป็นมารร้าย
    นักบุญเจอโรมนักพรตในศาสนจักรในยุคกลาง ได้ให้ความเห็นว่า ชื่อ "ลูซิเฟอร์" ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปิศาจ" จึงได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเห็นได้ว่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ในบางครั้งก็จะเรียกลูซิเฟอร์ และในบางครั้งก็จะเรียก ซาตาน
    ในตำนานกรีก คำว่า ลูซิเฟอร์ เปรียบได้กับดาววีนัส (ลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส หรือดาวศุกร์) ในบางตำนานของชาวเพแก้น หรือวิคคา กล่าวไว้ว่า เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา พระองค์ทรงให้ความดูแลเอาใจใส่ในตัวมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด และมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้ลูซิเฟอร์เกิดความรู้สึกน้อยใจและประชดองค์พระเป็นเจ้า โดยการชักนำพรรคพวก ก่อกบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่าลูซิเฟอร์อยู่ในยุโรปและเอเชีย
    ในปัจจุบัน ได้มีลัทธิหนึ่งซึ่งนับถือลูซิเฟอร์เยี่ยงพระเจ้า พวกเขาเหล่านั้นเรียกตัวเองว่า นักนิยมลูซิเฟอร์ (Luciferains) ตามชื่อศาสดาของพวกเขา "Lucifer Calaritanus" บิชอปของลัทธิลูซิเฟอร์กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่า องค์พระเยซูคริสต์ไม่ใช่บุตรมนุษย์ผู้ที่ถูกเลือก แต่คือลูซิเฟอร์ (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือบูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเขาได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนการเกิดอัปยศ" หรือ "Before the fall" ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า "เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์เอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมาก และหลงใหลในความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้นใสซื่อนั่นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" ในคัมภีร์จึงได้บอกไว้ว่า "พระเจ้าได้เสกให้งูมาเพื่อล่อลวงมนุษย์ให้กินผลไม้แห่งปัญญา เมื่อมนุษย์ได้กินเข้าไป จึงได้รู้สึกถึงตัวตนของพระเจ้า จากนั้นพระองค์จึงได้ขับไล่มนุษย์ทั้งสองออกจากสวนอีเดนไป เมื่อลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าจึงได้โกรธและก่อการกบฏต่อพระเจ้าขึ้น" นี่เป็นอีกเรื่องที่ถูกนำมาเล่า เพื่อใช้โน้มน้าวจิตใจสาวกของลัทธิลูซิเฟอเรี่ยนส์ ซึ่งต่อมาได้ถูกกล่าวกันว่าเป็นลัทธินอกรีต และมีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งบางคนใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อกลอมประสาท เพื่อมอมเมาผู้คนให้เข้าร่วมลัทธิ
    ลูซิเฟอร์ คือตัวแทนของบาปแห่งความเย่อหยิ่งจองหอง (ภาษาอังกฤษ: Vanity/pride) เพราะลูซิเฟอร์ลำพองว่าตนเองยิ่งใหญ่ และมีอำนาจมากกว่าทูตสวรรค์องค์ใด จึงได้หลงผิดและก่อการกบฏขึ้น ก่อให้เกิดสงครามภายในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 ส่วน จากเทพทั้งหมดบนสวรรค์ (บ้างก็ว่า 3 ใน 5 ส่วน) มาต่อสู้กับกองทัพขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งนำทัพโดยอัครเทวทูตมิคาเอล ผลปรากฏว่ากองทัพแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ขับไล่ลูซิเฟอร์ออกจากสวรรค์
    ตำนานกล่าวว่า ลูซิเฟอร์นั้นมักจะปรากฏกายในรูปของมังกร หรือ สิงโต และมีผู้รับใช้อันภักดี ชื่อ Satanackia และ Agalierept ที่เปรียบเสมือนแขนทั้งสองข้างของเขา (ตามความเชื่อของพ่อมดแม่มด ตราทั้งสองนี้อันตรายเป็นอย่างมาก)

    Flying Dutchman

    Click the image to open in full size.


    เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน (Flying Dutchman) หรือในภาษาดัทช์เรียกว่า “De Vliegende Hollander” เชื่อกันว่าเป็นเรือปีศาจที่จะร่อนเร่ไปตามน่านน้ำ จนกว่าจะถึงวันสิ้นสุดของโลก มักจะมาปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นบ่อยในบริเวณแหลมกู๊ด โฮป (Cape of Good Hope) ว่ากันว่าจะมีแสงเรืองที่น่ากลัวออกมาจากเรือและมีกั ปตันเรือผู้ซึ่งแต่งกายแบบยุคสมัยเก่ายืนคุมเรืออยู่ พร้อมกับส่งเสียงอันโหยหวนน่าขนหัวลุกออกมา
    มีเรื่องเล่าอยู่สองเรื่องที่เกี่ยวกับตำนานของเรือล ำนี้ เรื่องแรกเป็นเรื่องของกัปตันเรือ ที่ไม่นับถือศาสนา และไม่เชื่อในพระเจ้า จึงถูกพระองค์พิพากษาลงโทษ อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับนักเดินเรือที่ชื่อ เบอร์นาร์ด โฟคค์ ซึ่งให้สัญญากับปีศาจว่า ถ้าช่วยให้เขาเดินทางไปถึง อีสต์อินดีส ภายในเวลา 90 วัน เขาจะยอมตกอยู่ในอาณัติของมัน ทั้งสองเรื่องนี้ว่ากันว่าเป็นเหตุผลที่ทำไมเรือ Flying Dutchman จึงต้องระหกระเหินอยู่ในทะเลชั่วกาลนิรันดร
    เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เรือ Flying Dutchman เป็นของ Dutch East India Company เป็นเรือบรรทุกสินค้า และมีกัปตันชาวดัทช์ที่ชื่อ Van Der Decken ว่ากันว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม และเป็นคนไม่มีศาสนา ไม่นับถือพระเจ้า
    ในปี ค.ศ. 1680 กัปตัน Van Der Decken ได้พาเรือFlying Dutchman ของเขา พร้อมลูกเรือไปยังดินแดนทางฝั่งตะวันออก และในขณะที่เขากำลังพาเรือกลับไปยังประเทศฮอลแลนด์นั ้น ได้เกิดพายุพัดกระหน่ำรุนแรง กัปตันได้พยายามต่อสู้กับพายุที่บ้าคลั่งอยู่นานเป็น ชั่วโมง จนพายุได้พัดเรือของเขาออกนอกเส้นทางไป และได้ไปชนกับหินโสโครก จึงทำให้ตัวกัปตันและลูกเรือของเขาจมสู่ก้นมหาสมุทรแ ละเสียชีวิตทั้งหมด ทุกคนเชื่อว่าพายุลูกนั้นเกิดจากการที่พระเจ้าได้พิพ ากษาลงโทษกัปตัน Van Der Decken และเรือลำนั้น เล่ากันว่าระหว่างที่กัปตันกำลังพยายามต่อสู้กับพายุ อยู่นั้น เขาได้ตะโกนออกมาว่า “I will round this Cape even if I have to keep sailing until doomsday!” แปลว่า “ข้าจะวนเวียนอยู่บริเวณแหลมนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวันสิ้นสุดของโลกก็ต าม”


    Click the image to open in full size.

    แหลม Good Hope

    แต่ตำนานยังไม่จบสิ้นแค่นี้ เมื่อเรือ Flying Dutchman ได้ปรากฏให้ผู้คนได้พบเห็นหลายครั้ง
    ในปี ค.ศ. 1881 คนประจำเรือของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เห็นเรือ Flying Dutchman ปรากฏขึ้นทางด้านหัวเรือ และหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนประจำเรือคนนั้นก็เสียชีวิตจากการพลัดตกเสากระโดงเ รือ
    ในปีเดียวกันนั้น เรือสินค้าสัญชาติสวีเดนได้แล่นผ่านบริเวณที่เรือ Flying Dutchman จม คนประจำเรือบนเสากระโดงได้มองเห็นเรือ Flying Dutchman และในตอนนั้นเขาก็พลัดตกลงมาจากเสากระโดงทันที ก่อนที่จะเสียชีวิตเขาได้บอกว่าได้เห็นเรือ Flying Dutchmanกัปตันจึงได้ส่งคนขึ้นไปดูอีกที แต่ผ่านมาอีกสองวันเขาก็ได้เสียชีวิตลงอีกคน
    หลายปีต่อมา เรือ Relentless สัญชาติอเมริกาได้แล่นผ่านบริเวณแหลมกู๊ดโฮป กัปตันได้เห็นเรือ Flying Dutchman จึงสั่งให้นายท้ายเรือหันหัวเรือไปทางนั้น เพื่อที่จะเข้าไปดูอย่างใกล้ชิด แต่ทว่านายท้ายเรือก็ไม่ได้ทำตามคำสั่ง กัปตันจึงไปตรวจดูและพบว่านายท้ายเรือได้เสียชีวิตแล ้ว และในคืนนั้นคนประจำเรือก็ได้หายตัวไปจากเรือถึงสามค น
    ยังมีตำนานเล่าขานมาอีก เกี่ยวกับการพบเห็นเรือ Flying Dutchman
    • ในปี ค.ศ. 1911เรือ Orkney Belle กำลังเดินทางผ่านบริเวณแหลมกู๊ดโฮป และก็ได้มีรายงานว่าพบเห็นเรือ Flying Dutchman
    • ในปี ค.ศ. 1939 มีคนกว่า 60 คน เห็นเรือ Flying Dutchman แล่นออกจากชายหาดผ่านพวกเขาไป และแล่นหายออกไปในความมืด
    • ในปี ค.ศ. 1942 ผู้บังคับการเรือดำน้ำ U boats พลเรือตรี Karl Doenitz แห่งราชนาวีเยอรมัน ได้บันทึกในปูมเรือว่าพบเรือ Flying Dutchman แล่นผ่านเรือของเขาไป
    • ในปี ค.ศ. 1942 ผู้บังคับการเรือ Nicholas Monsarrat แห่งเรือรบหลวง H.M.S. Jubilee ได้พบเรือ Flying Dutchman และได้พยายามส่งสัญญาณไปยังเรือนั้น แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบกลับมา เขาได้บันทึกไว้ในปูมเรือว่าพบเรือใบไม่ทราบประเภทชั ้นเรือแล่นผ่านไปทั้งๆที่ไม่มีกระแสลมพัดอยู่เลย
    • ในปี ค.ศ. 1943 ชาวบ้าน 4 คนในเมือง Cape Town ได้เห็นเรือ Flying Dutchman แล่นหายไปทางด้านหลังของเกาะ
    • ในปี ค.ศ. 1959 กัปตันเรือ Staat Magelhaen พบว่าเรือกำลังจะพุ่งชนเรือ Flying Dutchman แต่พอเรือเข้าใกล้กำลังจะชนปรากฏว่าเรือ Flying Dutchman ก็ได้หายไปในทันที
    และยังมีอีกหลายครั้งที่เกิดพายุกระหน่ำรุนแรง บริเวณประภาคาร Cape light house มีบันทึกรายงานว่าได้พบเจอเรือ Flying Dutchman มาปรากฎให้เห็น

    วงกล้วยไทย

    วงกล้วยไทย


    ประวัติ[แก้]

    เดิมทีนั้น กล้วยไทยเป็นแค่งานทดลองของ พี่ต๋อย เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน ซึ่งทำงานเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาอยู่ที่ CINE DIGITAL SOUND STUDIO ได้ชักชวนเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆ ซึ่งรวมทั้ง เอส (นักร้องนำ) มาช่วยกันทำงานอีพีอัลบั้มขึ้นมา กลับกลายเป็นว่า มันไม่ใช่แค่งานที่ทำขึ้นมาเพื่อความสนุกเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าในปีนั้น (2545) เพลงพรหมจรรย์ ที่ทดลองส่งไปเปิดที่ FAT RADIO 104.5 เข้าไปอยู่ใน CHART FAT 40 ไม่นานหลังจากนั้น คุณธเนศ เจ้าของ JUSTICE MUSIC ได้ชักชวนให้ทำอัลบั้มเต็มในโครงการ BREAK THE BARIER ร่วมกับ WARNER MUSIC THAILAND อัลบั้มเต็มชุดแรกของกล้วยไทยจึงได้ WARNER จัดจำหน่ายให้ โดย งานทั้งอัลบั้ม พวกเราโปรดิวซ์กันเองทั้งหมด รวมทั้งเนื้อเพลง และการเรียบเรียงดนตรี
    เพลงของกล้วยไทยในอัลบั้มแรก(อัลบั้มกล้วยไทย) เป็นงานเพลงแนวนูเมทัล ดนตรีหนักแน่นและสนุก บอกผ่านเนื้อเพลง ที่นำเอาปัญหาสังคมมาถ่ายทอดในมุมมองที่ไม่เครียด โดยใช้ภาษาง่ายๆ กัดแกมหยอก ต่อมาในอัลบั้มที่สอง(เพลงรักระดับโลก) สถานการณ์บ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสงครามระหว่างประเทศ ,ในภาคใต้ของไทย ,ภัยธรรมชาติต่างๆ ได้ถูกนำมาใส่ลงไปในเนื้อหาของเพลงโดยภาคดนตรีที่มีสัดส่วนหลากหลายขึ้น เป็นเมทัลลูกผสมที่บันทึกสดทุกชิ้นและลดบทบาทของ Sampling ลงจากอัลบั้มที่แล้ว
    คำว่ากล้วยไทย พี่ต๋อยเป็นคนตั้ง สันนิษฐานว่าเพราะต้องการชื่อแบบไทยๆ ง่ายๆ และเชยๆ (ด้วยคำถามคาใจที่ว่าทำไมต้องตั้งชื่อวงเป็นภาษาฝรั่งเท่านั้น) เพราะคนไทยมักจะเปรียบเทียบคำว่าง่ายๆกับ กล้วย เช่น ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก หรือ เรื่องกล้วยๆ จึงกลายเป็นชื่อวงว่า กล้วยไทย
    กล้วยไทย อัลบั้ม กล้วยไทย (2546)
    เพลงของกล้วยไทยในอัลบั้มแรก ภายใต้สังกัด JUSTICE MUSIC และ WARNER MUSIC THAILAND วางจำหน่าย ก.ค. 2546 เป็นงานเพลงแนว NU METAL ดนตรีหนักหน่วงและสนุกแบบ แร็พ-ร็อก บอกผ่านเนื้อเพลง ที่นำเอาปัญหาสังคมมาถ่ายทอดในมุมมองที่ไม่เครียด โดยใช้ภาษาง่ายๆ กัดแกมหยอก เพลงเด่นในอัลบั้ม อาทิ Vampire Records , สำเร็จรูป , ทรยศ และอัลบั้มแรกของพวกเขา ก็ได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงสองรางวัลสีสันอะวอร์ดครั้งที่ 16 สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และ ศิลปินร็อกยอดเยี่ยม
    ในเวลาต่อมา ต๋อย เทิดศักดิ์ จันทร์ปานและวงกล้วยไทย รวมทั้ง วงเสียดจากบานาน่าเรคคอร์ด ได้ร่วมกันทำงานเพลงธรรมะ ขึ้นมาร่วมกับ พิสุทธิ์ เกรียงบูรพา ในชื่อ กลุ่มเรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธา อัลบั้ม เกาะบันไดวัด ที่กวาดรางวัลมากที่สุดในปีนั้นจากหลายสถาบัน คือ รางวัลอัลบั้มนอกกระแสยอดเยี่ยม จากนิตยสาร แฮมเบอร์เกอร์ 2548 รวมทั้งเข้าชิงในสาขา Packaging design ยอดเยี่ยม ด้วย ,เข้าชิงรางวัลเพลงยอดเยี่ยม และ รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม แฟ็ตอะวอร์ดส์ 3 , รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมจาก คมชัดลึก อะวอร์ดส์ รวมทั้งเข้าชิงในสาขา รางวัลเพลงยอดเยี่ยม ด้วย , เข้าชิง 2 รางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 17 คือ รางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และรางวัลเพลงยอดเยี่ยม , รางวัล โพธิ์ทอง เพลงส่งเสริมศาสนายอดเยี่ยม จากกรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเพลง มรณะสติ ที่ หนึ่งกล้วยไทย เรียบเรียงดนตรี และมี เอส กล้วยไทย ขับร้อง ขึ้นอันดับ 1 Fat Radio หลายสัปดาห์ติดต่อกัน
    อัลบั้ม เพลงรักระดับโลก (2548)
    อัลบั้มที่สอง ของวงกล้วยไทย ภายใต้สังกัด Banana Record วางจำหน่ายเมื่อ 14 ก.พ. 2548 โดยทุกเพลงในอัลบั้มพูดถึงความรักในรูปแบบต่างๆในชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบหนุ่มสาว ครอบครัว ความรักตัวเอง หรือความรักของคนทั้งโลก บอกผ่านเนื้อหาในแบบฉบับของกล้วยไทย ที่มีทั้งรุนแรง กัดเหน็บแนม และฮาๆ โดยปราศจากคำหยาบในทุกเพลง ภาคดนตรีที่มีสัดส่วนหลากหลายขึ้น เป็นเมทัลลูกผสมที่บันทึกสดทุกชิ้นและลดบทบาทของ Sampling ลงจากอัลบั้มที่แล้ว มีกลิ่นของความเป็นนูเมทัลเจือปนพอสมควร โดยอัลบั้มนี้ พวกเค้า ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดครั้งที่ 18 สาขาศิลปินร็อกยอดเยี่ยม , เข้าชิงรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม คนอ่านเพลงอะวอร์ดส์ครั้งที่ 1เข้าชิงออกแบบปกยอดเยี่ยมจาก แฟ็ตอะวอร์ดส์ ปี 2548 และด้วยความโดดเด่นของปกอัลบั้มที่ ออกแบบเป็นกล่องไม้ขีดไฟที่ใช้งานโดยการจุดด้านข้างกล่องได้จริงๆ ข้างในแถมก้านไม้ขีดไฟมาให้ด้วย จนได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงออกแบบปกยอดเยี่ยมจาก แฟ็ตอะวอร์ดส์ ปี 2548 แค่นั้นยังไม่พอ อัลบั้มนี้แถมวีซีดี 1 แผ่น ทั้งยังผลิตในรูปแบบ Enhanced CD อีกด้วยในราคาปกแค่ 155 บาท ผลิตจำนวนจำกัดแค่ 2500 ชุด และปัจจุบันกลายเป็นของหายากของนักสะสมอัลบั้มเมทัลของไทยไปแล้ว เพลงที่ได้รับความนิยมสำหรับแฟนเพลง อาทิ เพลงรักระดับโลก , เลือดไทย , สามัคคีเฮ , สิ่งสุดท้าย , สุขสันต์วันเกิด , เปิด และ วาระเอาคืน
    ในเวลาต่อมาหลังจาก อัลบั้มเพลงรักระดับโลก สมาชิกทั้งหมด ได้แยกย้ายไปทำงานประจำของแต่ละคน และปลายปี 2549 เอส นักร้องนำ ได้ทำอัลบั้ม Side Project ขึ้นมาหนึ่งอัลบั้มชื่อว่า ESKIMO PROJECT ในสังกัด Spicy Disc ซึ่งได้ เข้าชิงรางวัลเพลงยอดเยี่ยม (ไม่ใช่พระ-เจ้า ) จาก คนอ่านเพลงอะวอร์ดส์ครั้งที่ 2 , เข้าชิงรางวัลศิลปินยอดเยี่ยม Seed Awards ครั้งที่ 2 (ไม่ใช่พระ-เจ้า อยู่ในอันดับ 6 Seed Chart Top 20) และ เข้าชิงออกแบบปกยอดเยี่ยมจาก แฟ็ตอะวอร์ดส์ ปี 2549 โดยอัลบั้มนี้มีเบื้องหลังงานดนตรีคือ หนึ่ง มือกลองวงกล้วยไทย และ ต๋อย เทิดศักดิ์ จันทร์ปานและในช่วง นั้นเอง ที่ โจว นักร้องนำอีกคน ติดภาระส่วนตัว จนไม่สามารถกลับมาทำอัลบั้มได้ อัลบั้มที่สาม จึงเหลือสมาชิกแค่ 5 คน และมีนักร้องนำคือ เอส คนเดียว
    ช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา กล้วยไทยผ่านเวทีคอนเสิร์ตมามากมาย อาทิ แคมปัสทัวร์ ร่วมกับวงเบิร์น และ บอดี้สแลม ในปี 2546 , คอนเสิร์ตเมทัลหลายสิบงาน , คอนเสิร์ต พัทยามิวสิกเฟสติวัล 2005 และ 2006 , คอนเสิร์ต อ๊าก ว๊าก จ๊าก ครั้งที่ 2 , 3 และ 4 (ผลิตเป็นวีซีดี) , คอนเสิร์ตใหญ่ของวงเอง ก็คือ วิวาห์คอนเสิร์ต เปิดเพลงรักระดับโลก (ผลิตเป็นวีซีดี) จัดขึ้นเมื่อ สิงหาคม 2548 มีเจ้าสาว (คนดู) กว่าพันคน
    กล้วยไทย – สิบสองสัตว์ (2552)
    การกลับมาพร้อม สตูดิโออัลบั้มหมายเลขสาม ของเมทัลร็อกสายเลือดไทย ภายใต้การทำงานในแบบ Concept Album ที่หาได้ยากในวงการเพลงไทย ซ่อนเรื่องราวเสียดสีสังคมตามแบบฉบับของกล้วยไทย บอกเล่าผ่านมุมมองที่แตกต่าง จากสัตว์ชนิดต่างๆ อัดแน่นสิบสองแทร็คเต็มอัลบั้ม พร้อม Enhanced CD และไพ่สิบสองสัตว์ 1 สำรับ ผลิตเพียง 2000 แผ่น วางแผงเมื่อ 24 มีนาคม 2552 อัลบั้มนี้ได้รับรางวัลดังนี้ รางวัล สีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 22 สาขาศิลปินร็อคยอดเยี่ยมและเพลงร็อคยอดเยี่ยม(ปรากฏการณ์ผีเสื้อ) , รางวัล Thai Head Bangker Zine Awards สาขา นักร้องนำชายยอดเยี่ยม , วงดนตรียอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม ประจำปี 2552

    สมาชิก[แก้]

    • (เอส) วสกร เดชสุธรรม - ร้องนำ
    • (บี) ยุทธภูมิ ขวัญคุ้ม – กีตาร์
    • (โจ) สุชาติ สามไถคาม – กีตาร์
    • (ต้อง) ยุทธนา โพธิ์กิ่ง – เบส
    • (หนึ่ง) สันติ ชัยปรีชา – กลอง

    ผลงานของกล้วยไทย[แก้]

    อัลบั้ม
    พ.ศ.อัลบั้มสังกัดรางวัล/หมายเหตุ
    2545แฮนด์เมด มิวสิก (อี.พี.)--
    2546กล้วยไทยจัสติซ มิวสิก (จัดจำหน่ายโดยวอร์เนอร์ มิวสิก ประเทศไทย)
    • เข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดครั้งที่ 16 สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม
    • เข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดครั้งที่ 16 สาขาศิลปินร็อกยอดเยี่ยม
    2548เพลงรักระดับโลกบานาน่า เรคคอร์ด
    • เข้าชิงรางวัลสีสันอะวอร์ดครั้งที่ 18 สาขาศิลปินร็อกยอดเยี่ยม
    • เข้าชิงรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม คนอ่านเพลงอะวอร์ดส์ครั้งที่ 1
    • เข้าชิงออกแบบปกยอดเยี่ยมจาก แฟ็ตอะวอร์ดส์ ปี 2548
    2550กล้วยไทย (รีแพคกิ้ง)บานาน่า เรคคอร์ด
    • งานเพลงชุดแรกนำกลับมาทำใหม่ เปลี่ยนปก พร้อมเพลงพิเศษ รวม 22 เพลง ผลิตจำนวนจำกัดแค่ 1,000 แผ่น พร้อม ซีเรียลนัมเบอร์
    2552สิบสองสัตว์บานาน่า เรคคอร์ด
    • รางวัล สีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 22 สาขาศิลปินร็อคยอดเยี่ยมและเพลงร็อคยอดเยี่ยม เพลงปรากฏการณ์ผีเสื้อ
    • รางวัล Thai Head Bangker Zine Awards สาขา นักร้องนำชายยอดเยี่ยม
    • วงดนตรียอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม ประจำปี 2552
    บันทึกการแสดงสด
    พ.ศ.อัลบั้มสังกัดหมายเหตุ
    2548วิวาห์คอนเสิร์ต เปิดเพลงรักระดับโลกบานาน่า เรคคอร์ด
    ผลงานเพลงอื่นๆ
    พ.ศ.อัลบั้มเพลงสังกัดหมายเหตุ
    2545เพลงหัวกล้วย
    • เด็กป๋า
    • อยากรู้มั้ย
    • พรหมจรรย์ (รีมิกซ์)
    บานาน่า เรคคอร์ด
    • ออกร่วมกับ STUdog และ เจริญ
    2546เพลงหัวกล้วย 002
    • รู้เห็นเป็นใจ(กับมันหรือเปล่า)
    • ภัยมืด(เหยื่อ1)
    บานาน่า เรคคอร์ด
    • ออกร่วมกับ STUdog, SEAD และ PiggY
    2553เพลงหัวกล้วย 003
    • น้อย น้อย หน่อย
    • กางเกงในตื่นตูม
    บานาน่า เรคคอร์ด
    • ออกร่วมกับ Toy Sakie, SEAD, ช่างภาพอิสระ, Little Cowboy, กาน จอง ฮี, Up2U
    2553เพลงประกอบภาพยนตร์ องค์บาก 3
    • เทียน
    บานาน่า เรคคอร์ด
    • feat หงา คาราวาน
    2555-
    • Love The Way You Lies
    บานาน่า เรคคอร์ด
    • คัพเวอร์ ริฮานน่า feat. เอ็มมิเนม
    • feat. JANE